ภาพจาก :
การทำ software เพื่อแจกฟรี และ แบ่งกันใช้กับคนในวงการมันเป็นเรื่องที่ดีจริงๆหรือไม่ เป็นคำถามที่ผมยังค้างคาใจอยู่จนถึงทุกวันนี้ เพราะมีทั้งด้านดีและไม่ดี เหมือนดาบสองคม เหมือนเหรียญสองด้าน
คมที่ 1 (ด้านดี) สาธารณสุขมี Application มากมายที่ใช้กันโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ซึ่งหามาแบ่งกันใช้ได้เรื่อยๆ ทำให้วงการสารสนเทศของสาธารณสุขดูมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีโปรแกรมใหม่ใช้กันอยู่ตลอด คนทำได้ใจ ได้ความภูมิใจ ความรู้ของเราส่วนหนึ่งก็ได้ฟรีๆ มาจากรุ่นพี่ รุ่นเพื่อนที่บอกเล่าเก้าสิบกันมา เมื่อได้มา ก็สอนต่อแบบพี่สอนน้อง เพื่อนสอนเพื่อน บอกต่อๆกันไป
คมที่ 2 (ด้านมืด) สาธารณสุขเพิกเฉยต่อการสร้างบุคลากรด้านสารสนเทศและทุ่มเทงบประมาณไปจ้างเอกชนมาทำระบบให้ ไปจ้างวิทยากรแพงๆมาอบรม สิ้นเปลืองงบประมาณไปเพียงเพืออบรมแบบผ่านๆ ไม่ได้หวังจะได้ หรือ เป็นในวันเดียว สอนจบ ก็จบ ทั้งๆที่วิทยากรดี ก็มีอยู่แต่ถ้าจะใช้ก็เลือกที่จะใช้ฟรี หรือ ไม่คิดจะสนับสนุนด้านงบประมาณ สถานที่
จากมุมมองที่ผมเขียนผมอยากจะสะท้อนถึงความเป็นจริงเรื่องการให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคากรด้านสารสนเทศของสาธารณสุข ซึ่งถือว่ามีการให้ความสำคัญน้อยจนน่าตกใจ แน่นอนว่าไม่ใช่กระทรวงไอซีทีที่ต้องเน้นให้ความสำคัญกับบุคลากรด้านนี้แต่ปัจจุบัน ผมการันตีได้เลยว่าไม่มีโรงพยาบาลไหนที่ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ มันเกี่ยวพันกันไปในทุกๆระบบงาน แต่ในการที่จะพัฒนาระบบสารสนเทศให้ตรงกับความต้องการนั้นมันไม่ง่าย ซึ่งหากจะทำระบบใดระบบหนึ่งหนึ่งนั้น มันไม่ได้ง่ายๆแค่เพียงลากวางๆก็จบ การจะเขียน PHP ก็ต้องศึกษา ซื้อตำรา googling กันจนทำเป็น การจะเขียน vb.net หรือ Delphi ก็ต้องอาศัยความเข้าใจ ต้องมีคนให้ปรึกษา ต้องสอบถาม หาซื้อตำรา จะเข้าใจและออกแบบฐานข้อมูล และแน่นอนที่สุดต้องมีเวลาเพื่อสิ่งนี้ ใครที่โชคดีหน่อยมีพื้นฐานได้เรียนมาก็อาศัยบุญเก่าได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องใหม่ เช่น อยากพัฒนาระบบเยี่ยมบ้านบน Android หรือ XCode รุ่นที่ผมเรียนคงไม่มีสอนนอกจากจะใช้เวลาไปศึกษามันเอง พอแจกฟรีไปบ่อย ก็ดูเหมือนระบบที่เราแจกไปไม่ได้มีความสำคัญอะไร ไม่ได้มีการพลักดันจากภาครัฐ (ยกเว้นตอนที่ผลักดันกันเองจนดังแล้วรัฐมาสนับสนุนเอาหน้าในช่วงหลัง) แต่หากเป็นเป็นเอกชนที่จ้างมากลับมีเม็ดเงินสนับสนุนอย่างเต็มที่ (จริงๆไม่บอกก็พอจะทราบว่าเพราะอะไร)
สุดท้ายนี้สิ่งที่ผมคิดอาจเป็นตรรกะของคนที่เห็นแก่ได้ แต่ผมลองมองย้อนกลับไป ก็แอบคิดอยู่เสมอ เวลาเราขอสนับสนุนเครื่องมือในการพัฒนา ขอสถานที่จัดอบรม เสริมความรู้ มันช่างยากเหลือเกิน ไม่ต้องพูดถึงการส่งเราไปอบรมเพื่อเสริมความรู้เรื่องของการพัฒนานะครับ สุดท้ายคงไม่พ้นถ้าอยากรู้ก็ลาป่วย ลากิจนั่งรถไปเรียนเอาเอง ออกค่าลงทะเบียนเอง แต่กลับมาเราต้องเอาความรู้เหล่านั้นมาพัฒนางานของเรา ซึ่งจะพูดไปก็คงไม่มีใครได้ยิน แต่แล้วอยู่ๆก็มีงบจ้าง บริษัทนั้นทำระบบ 4 ล้าน อยู่ๆก็มีงบจัดอบรม จ้างวิทยากรดังๆมาสอนซะงั้น สุดท้ายแล้วการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อแจกฟรี จะยั่งยืนและต่อยอดจนไปได้ไกลแค่ไหน หากไร้ซึ่งทุนในการสนับสนุนการต่อยอดและพัฒนา