ภาพจาก www.fanpop.com
การบรรจุเป็น พนักงานกระทรวงสาธารณสุข นั้นมีค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดและสิทธิประโยชน์อันหอมหวาน แต่หลายคนประสบปัญหาเนื่องจากวุฒิไม่ตรง ไม่มีกรอบในการจ้าง หรือโดนบังคับให้เข้า พกส ในตำแหน่งที่ตำลงหรือเงินเดือนลดลงอย่างไม่เป็นธรรม แต่การขับเคลื่อนคนหมู่มากก็ต้องมีคนเสียสละ คนในกระทรวงบอกว่าวันนี้พวกเราจะเข้าร่วมเดินใน "ถนนใหญ่" และต้องออกจาก "ซอกซอย" ที่เราเคยอยู่ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดย "ถนนใหญ่" สายดังกล่าวก็คือ มาตรฐาน ของ กพ. นั่นเอง
กพ มีหน้าที่ในการบรรจุคนเข้ารับราชการเป็น ข้าราชการพลเรือนมาตั้งแต่ปี 2477 แต่ด้วยอัตราตำแหน่งข้าราชการที่น้อยเสียหรือเกินในแต่ละปีจึงทำให้ กระทรวงสาธารณสุขอยากจะแยกตัวออกมาเพื่อจะได้สามารถบรรจุข้าราชการเองได้ พกส. จึงเป็นก้าวแรกของเรื่องนี้ เพื่อที่จะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จเราต้องมีกรอบมีระเบียบที่ชัดเจน ดังนั้นการบรรจุเป็น พกส จึงเข้มงวดเรื่องของวุฒิหรือตำแหน่งมากเพื่อให้มีความชัดเจนตั้งแต่แรกและไม่มีปัญหาในการที่จะบรรจุเขาเหล่านั้นเป็นข้าราชการทีหลัง ในกรณีที่ วุฒิไม่ตรงตำแหน่ง หรือ ไม่มีกรอบ นั่นเอง หลายๆคนจึงต้องตกเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ทั้งๆที่ก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย
"เหยื่อ" ในที่นี้คือคนที่ทำงานมานานแต่ไม่ได้อยู่ในสายวิชาชีพทางสาธารณสุข บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตในการไต่เต้าจาก ผู้ช่วยเหลือคนไข้มาเป็น เจ้าพนักงาน หรือ นักวิชาการ บางคนทำงานมามากกว่า 10 ปีเปลี่ยนจาก คนเข็นแปล เป็น ช่าง เปลี่ยนจากช่างเป็น คนขับรถ เปลี่ยนจากคนขับรถไปทำงานพัสดุ โดยไม่ได้มีการทำสัญญาจ้างใหม่ ซึ่งในข้อนี้ลูกจ้างซึ่งไม่รู้ถึงสิทธิ์ของตัวเองเหล่านี้จึงถูกริบรอนค่าประสบการณ์ ไม่ได้ค่าเยียวยา ทั้งๆที่จริงๆแล้วไม่ใช่ความผิดของเขา และเงินที่จะใช้เยียวยาก็ไม่ได้เป็นเงินของใครนอกจากเงิน บำรุงของโรงพยาบาล บางคนมีความสามารถโดดเด่นในงานที่ทำแม้จะไม่ได้จบมาทางด้านนี้โดยตรงก็ยังโดนหางเล่ห์ไปกับเขาด้วย เพื่อให้เข้ากับกรอบของ พกส ซึ่งถ้าเรามองดีๆคนที่ไม่ใช่สายวิชาชีพเหล่านี้ไม่มีโอกาสได้บรรจุด้วยซ้ำหรือไม่มีโอกาศที่จะได้เดินบน "ถนนเส้นใหญ่" ด้วยซ้ำ การที่เราดึงคนเหล่านี้ออกมาจากซอยก็เหมือนดึงมาเพื่อให้ถูกรถชนได้ง่ายขึ้นสุดท้ายแล้วคนเหล่านี้ก็ไม่พ้นที่จะต้องจำใจรับผลกระทบจากความผิดที่ไม่ได้ทำโดยไม่มีทางเลือก คนเหล่าแหละคือ "เหยื่อ"
การปรับเปลี่ยนเป็น พกส สายวิชาชีพใหม่เอี่ยมคือ "นักวิชาการคอมพิวเตอร์" ที่นอกจากจะมีเงินเพิ่มผิดหูผิดตา แล้ว ยังเป็นสายวิชาชีพเฉพาะที่มีเพียงตำแหน่งเดียวเสียด้วย และด้วยเงื่อนไขหลากหลายทำให้หลายคนหลุดจากตำแหน่งนี้ไปโดยปริยาย ทำให้หมดกำลังใจในทำงาน ซึ่งหากมองให้ดีจะพบว่าการพัฒนาระบบสารสนเทศในปัจจุบันมีเพียงหน่วยงานรัฐเท่านั้นที่ก้าวช้ากว่าหน่วยงานเอกชน ไม่ว่าจะด้านไหน พอมีใครพัฒนาอะไรได้ก็หยิบเอามาใช้ แน่นอนหากรัฐเอาไปใช้แสดงว่าเรามีศักยภาพ แต่การจับเสือมือเปล่าของกระทรวงทำให้เราไม่มีระบบสารสนเทศที่ยั้งยืน การออกไปทำเป็นเอกชนของบุคลากรที่มีคุณภาพจึงมากขึ้น
ปัจจุบันเราจะพบว่ามี ธุรกิจเข้ามาเกี่ยวกับระบบสุขภาพของเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น LIS Pacs Refer หรือแม้กระทั้ง HIS เราก็ยังซื้อเขาตลอดซึ่งสวนทางการการให้นโยบายแนวประชานิยมคือเน้นฟรีไว้ก่อน ภาระจึงตกอยู่กับหน่วยบริการเองซึ่งนั้นก็ทำให้หน่วยบริการไม่มีงบมากมายในการที่จะพัฒนาหรือเชื่อมโยงระบบสุขภาพท้องถิ่นให้มีความก้าวหน้าและยั้งยืนหรือแม้จะจ้างนักวิชาการสักคน
บางประเทศสำหรับคนที่มีความสามารถเขาพร้อมที่จะให้สัญชาติแก่คนที่มีความสามารถ เพราะเขาคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง ใน สหรัฐ อเมริกา จึงมีคนที่ได้ Green Card มากมายแล้วประเทศไทยของเราละคิดอย่างไร? จะถอยเพื่อก้าวหรือจะรอสร้างบุคลากรชุดใหม่
No comments:
Post a Comment